วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สถานที่แปลกๆ


น้ำตกเลือด, แอนตาร์กติกา

ใน Victoria Land ทางใต้ของนิวซีแลนด์ ธารน้ำแข็ง Taylor สีเหมือนเลือด ความยาว 35 ไมล์ น้ำตกเลือดที่น่าขยะแขยง ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลือดจริงๆ แต่สีแดงเกิดจากแบคทีเรียที่อยู่ในธารน้ำแข็งใต้ทะเลสาบกินธาตุกัมมะถัน เมื่อมันขับถ่ายออกมาทำให้เหล็กออกไซด์ถูกปล่อยออกมาและละลายมากับน้ำแข็งที่ละลาย


Las Pozas, Mexico


สร้างโดย Scotsman Edward James ผู้หลงใหลในศิลปะ สวนรูปปั้นสไตล์เซอร์เรียลลิสม์ซึ่งตั้งอยู่ในป่าฝนในเขตของ Xilitla (ห่างจากเม็กซิโกซิตี้ไปทางเหนือประมาณ 8 ชั่งโมง) สถาปัตยกรรมอันน่าพิศวงซึ่งเขาได้ใช้เป็นบ้านมาตลอด 35 ปี บันได หอคอย ได้ต่อเติมมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 1984 ปราสาทที่ล้อเลียนศิลปะแบบโกธิค มีนกเป็นร้อยๆ ตัว สุนัข 40 ตัว และที่ไม่น่าเข้ากันได้ก็คืองูเหลือม

ถ้าคุณได้ไปที่ Xilitlaในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงอากาศอบอุ่นและแห้ง ปัจจุบันปราสาทสไตล์เซอร์เรียลลิสม์ของเจมส์ได้เปิดเป็นโรงแรม ชื่อ La Posada El Castillo (ไม่ต้องกลัวงูเหลือมนะ เพราะมันไม่อยู่แล้ว)



ดวงตาแห่งซาฮารา, มอริเตเนีย

ในระดับพื้นดินเป็นเรื่องที่ยากมากถ้าจะสร้างรูปทรงให้กระจายออกจากจุดที่ยืนอยู่ วงแหวนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 ไมล์ในเมือง Ouadane หรือที่เรียกกันว่า crop circle ไม่ได้สร้างโดยมนุษย์ต่างดาวหรือใครก็ตาม แต่เกิดจากกรถูกกัดกร่อนและทับถมของตะกอนตามธรรมชาติ


The Boneyard, Arizona


ที่พักสุดท้ายของเครื่องบินปลดประจำการกว่า 3000 ลำ บางลำมีอายุกว่า 60 ปี เป็นที่ที่จะมาหาอะไหล่ได้เล็กๆ น้อยๆ


Göreme National Park, Turkey


หินที่เหมือนอยู่ในเทพนิยายหรือเรียกว่า hoodoos ใน Cappadocia ถูกใช้เป็นบ้าน โบสถ์ และโรงเรียนมา 2000 ปี สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการตกแต่งภายในของ hoodoos มีการตกแต่งเยอะมาก บ้างก็ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อันทันสมัยอย่างกับอพาทเมนท์ในนิวยอร์ค


Socotra Archipelago, Yemen


100 ล้านปีก่อน Socotra Archipelago ได้แยกตัวออกจากทวีปใหญ่อย่าง Gondwana (ผืนดินของอเมริกา แอฟริกา ออสเตรเลีย อารเบีย และอินเดีย รวมกัน) ตั้งแต่นั้นธรรมชาติก็ค่อยๆ พัฒนาไปในหลายๆ ทางทั้งแบบประหลาด และในแบบที่สวยงาม ยูเนสโกได้ตั้งให้เป็นมรดกโลก ดอกไม้ประหลาด (ต้นไม้ที่น้ำไหลซิม บ้างก็มีกลิ่นเหม็น แตงกวาพิษ บางต้นก็มีรูปร่างเหมือนขวด) นกประหลาด 180 ชนิด สัตว์และพืช 700 สปีชีส์ สามารถพบได้ที่นี่



ประตูสู่นรก, เติร์กเมนิสถาน


ในปี 1971 เครื่องขุดเจาะน้ำมันในทะเลทราย Karakum ได้ตกลงไปในถ้ำที่มีความกว้าง 300 ฟุต ที่เต็มไปด้วยแก๊สธรรมชาติ ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการเผามีเธน ก่อนที่มันจะไหลไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด ซึ่งคาดว่าไฟจะดับลงในสองสามอาทิตย์ต่อมา แต่ 40 ต่อมาไฟนั้นยังคงลุกโชติช่วงอยู่ คนท้องถิ่นบอกว่าในตอนกลางคืน กำมะถันและไฟ เป็นเหมือนฉากในคัมภีร์ไบเบิล จึงเป็นที่มาของชื่อ Door to Hell


Chapel of the Holy Cross, Arizona


สร้างขึ้นในปี 1957 โบสถ์เปลือยนี้สร้างจากผาหินแห่ง Sedona ของ Mystic Hills ได้ถูกกัดกร่อนเป็นเวลาหลายปีจนคล้ายหน้าของเหยี่ยว งู และสุนัขจิ้งจอก Marguerite Brunswig Staude ซึ่งเป็นช่างแกะสลักได้ความคิดเมื่อครั้งไปชมตึกเอ็มไพร์สเตท โดยลักษณะภายนอกจะมีไม้กางเขนขนาดใหญ่ทำจากกระจกที่สะท้อนแสงตึกสูงระฟ้า


Mount Sanqingshan National Park, China


อุทยานแห่งชาติ 56,700 เอเคอร์ ที่คล้ายกับภูเขาลอยได้ในภาพยนต์เรื่อง Avatar ของเจมส์ คาเมรอน เสาหินเป็นร้อยปกคลุมด้วยป่าทึบ หมอกหนาให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่เหนือพื้นดิน


Arches National Park, Utah


ด้วยเป็นประเทศที่ที่มีทะเลทรายและหุบเขาลึก หินทรายสีชมพูที่ Arches National Park มีรูปร่างเหมือนคันธนูจากหินทรายที่มีโครงสร้างรูปโค้งกว่า 2000 อัน


Neft Daşları, Azerbaijan


จากแผนเดิมคือสร้างทาง 30 ไมล์บนถังน้ำมัน Neft Daşları กลับเติบโตมากกว่านั้น กลายเป็นทางไปถึงแท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลแคสเปี้ยน เป็นที่รู้จักกันในชื่อ “Oil Rocks” โดยมีการรวมกลุ่มของบ้าน โรงเรียน ร้านค้า ห้องสมุด เบเกอรี่ และสิ่งก่อสร้างที่มีความเป็นเมือง ปัจจุบันที่นี่มีผู้พักอาศัยกว่า 5000 ถนนยาว 124 ไมล์ และโรงภาพยนตร์ เป็นเมืองอุตสาหกรรมขนาดเล็กอีกเวอร์ชั่นของเมืองเวนิซ


Credit : World's Strangest Places By Adam McCulloch

http://www.travelandleisure.com/articles/worlds-strangest-places/1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น